“Hide & Seek” ทรายแมวมันสำปะหลังสัญชาติไทย ปลอดภัย 100%
เมษายน 1, 2022 2025-01-13 17:14“Hide & Seek” ทรายแมวมันสำปะหลังสัญชาติไทย ปลอดภัย 100%
ยิ่งกว่าลูก ยิ่งกว่าแฟน ยิ่งกว่าใครเกินจะเปรียบ ผู้ทรงอิทธิพลสี่ขาที่กุมหัวใจเหล่ามนุษย์ทั้งหลายให้ตกเป็นทาสด้วยความสมยอม ไม่ว่าจะที่นอนหรือเก้าอี้ที่นั่ง มนุษย์ก็ยอมสละได้หากเจ้านายต้องการ นั่นก็คือ “เจ้านายแมวเหมียว” ที่ทำให้ “ทาสนุด” กว่าครึ่งโลกยอมสยบใต้อุ้งเท้าอันนุ่มฟู
การปรนนิบัติเหล่าเจ้านายขนฟูค่อนข้างละเอียดอ่อนและเต็มไปด้วยขั้นตอน โดนเฉพาะการขับถ่ายถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องสะอาด เก็บกวาดง่าย และต้องไม่มีกลิ่นรบกวน ดร.ลัญจกร อมรกิจบำรุง ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนทาสที่ทำงานด้านการวิจัย ผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลังไทย ผลงานวิจัยเพื่อสุขลักษณะอนามัยและสะดวกในการกำจัดสิ่งปฏิกูลของเจ้าเหมียวที่เรารัก
“ผมเป็นนักวิจัยที่มีองค์ความรู้ทางด้านเคมีเกี่ยวกับวัสดุต่าง ๆ โดยเฉพาะวัสดุจากพืช มีประสบการณ์ทำวิจัยมาค่อนข้างหลากหลาย ประกอบกับความเป็นทาสแมวที่เลี้ยงแมวอยู่แล้ว มีความเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้เนื่องจากใช้เป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งพบว่า ทรายแมวที่เราใช้นำเข้าจากต่างประเทศมากกว่า 95% จึงมีความคิดที่อยากจะนำเอาความรู้ของตัวเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการผลิตทรายแมวในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกและลดการนำเข้าจากต่างประเทศ”

สุขาท่านเหมียว
ทรายแมว เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมากสำหรับมนุษย์ที่ต้องการจะเลี้ยงแมว เนื่องจากวิถีชีวิตในสังคมที่เปลี่ยนแปลงเป็นสังคมเมืองมากขึ้น พื้นที่ในการเลี้ยงแมวถูกจำกัด รวมถึงแมวมีการพึ่งพิงอาศัยมนุษย์มากขึ้น ไม่มีป่า ไม่มีพงหญ้า ไม่มีพื้นที่ว่างให้แมวได้ขับถ่ายตามธรรมชาติอีกต่อไป ทรายแมวจึงเข้ามามีบทบาทที่ช่วยให้น้องแมวสามารถปลดทุกข์ได้อย่างเป็นที่เป็นทางมากขึ้น
“ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ทรายแมวชนิดแรกของโลกเกิดขึ้นจากพวกแร่หินภูเขาไฟ แร่หินดินทราย ที่เรียกว่าเบนโทไนต์ (bentonite) ถูกใช้มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน ต่อมามีการค้นพบว่าเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของแมว เนื่องจากเกิดฝุ่นระหว่างการกลบและเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยการระเบิดภูเขารวมถึงกำจัดได้ยากหลังการใช้งาน จึงเริ่มมีการนำวัตถุดิบจากพืชมาใช้ เช่น กากถั่วเหลือง ไม้สน และมันสำปะหลัง”
คุณสมบัติของทรายแมวที่ดี นอกจากใช้รองรับการขับถ่ายของแมวแล้ว จะต้องมีคุณสมบัติจับตัวเป็นก้อน ไม่กลายเป็นโคลน ต้องเก็บกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ติดเท้าแมวหลังจากทำธุระเสร็จ และไม่เกิดเป็นผงฝุ่นระหว่างการกลบ ทรายแมวสำหรับผู้อยู่อาศัยในคอนโดฯ อพาร์ทเมนท์ หรือห้องเช่า ควรทิ้งลงชักโครกได้ และที่สำคัญควรผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของแมวด้วย เช่น ในกรณีลูกแมวที่พึ่งหัดใช้ห้องน้ำ อาจเคี้ยวทรายเล่นหรือเผลอกลืนลงท้อง
“Hide & Seek เป็นทรายแมวที่ผลิตจากมันสำปะหลัง 100% ในแง่ขององค์ประกอบทางวัสดุ มันสำปะหลังมีความเหมาะสมที่สุดในการใช้เป็นทรายแมว เนื่องจากจับตัวเป็นก้อนได้เร็ว ดูดซับกลิ่นได้ดี ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการโดยหยดแอมโมเนียเพื่อจำลองกลิ่นปัสสาวะแมว พบว่าการระเหยของกลิ่นน้อยกว่าทรายแมวเบนโทไนต์ถึง 5 เท่า สามารถทิ้งลงชักโครกได้ ซึ่งเหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ”
ในช่วงของการทดลอง ดร.ลัญจกร ได้ทดลองวัสดุธรรมชาติจากการเกษตรของไทยหลายตัวเลือก เช่น ชานอ้อย ฟางข้าว แต่มันสำปะหลังมีคุณสมบัติพิเศษในการจับตัวเป็นก้อน รวมถึงดูดซับของเหลวและกลิ่นได้ดี จึงนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ทรายแมวภายใต้แบรนด์ Hide & Seek ในบริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด(Wealthy moggie innovation co.,ltd.) มาพร้อมสโลแกน “Hider and seeker friendly เป็นมิตรต่อแมวผู้กลบและทาสผู้เก็บ”

งานวิจัยที่ขายได้จริง
หลังจากค้นพบทรายแมวที่เหมาะกับนายท่านและเริ่มก่อตั้งแบรนด์แล้ว ดร.ลัญจกร ยังคงพัฒนาต่อเพื่อค้นหากลิ่นปรุงแต่งที่สามารถช่วยกลบกลิ่นภายในสุขาให้มีกลิ่นเป็นที่พึ่งพอใจของเหล่าทาสอีกด้วย
“ช่วงแรกของการผลิต เราตั้งใจว่าจะไม่ใส่กลิ่นเลยเพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากเราต้องการการันตีว่าแมวกินได้ ปลอดภัยมาก แต่หลังจากจำหน่ายไปได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง มีลูกค้าบางท่านไม่ชอบกลิ่นมันสำปะหลัง เราจึงทดลองใส่กลิ่นผสมอาหารแบบเข้มข้น เพื่อยังคงให้ทรายแมวไม่อันตรายต่อน้องแมวที่ชอบเลียทราย ซึ่งช่วงแรกมีการผลิตออกมาหลากหลายกลิ่นเพื่อสังเกตว่าลูกค้าชอบกลิ่นไหนมากที่สุด จึงกลายมาเป็น 3 กลิ่นยอดนิยมที่เราผลิตมาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ กลิ่นธรรมชาติ กลิ่นมิกซ์เบอรี่ และกลิ่นมะลิ”
“ราคาประมาณ 200–240 บาทครับ แล้วแต่ช่วง ราคาก็อยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับทรายแมวที่มีในท้องตลาด ราคาใกล้เคียงกับทรายแมวเต้าหู้ แต่ถูกกว่าไม้สนและหญ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ”
ทรายแมว Hide & Seek 1 ถุง (ขนาด 6 ลิตร) เมื่อใช้กับแมว 1 ตัวที่น้ำหนักประมาณ 3-4 กิโลกรัม จะใช้ได้ประมาณ 1 เดือน (เฉลี่ย 3-4 สัปดาห์) โดยวิธีการใช้ก็ไม่ยุ่งยากและไม่เลอะเทอะ เพียงแค่เททรายลงในกระบะทรายแมวตามปกติ ส่วนที่แมวปลดปล่อยจะจับตัวเป็นก้อน ให้ตักส่วนนี้และร่อนส่วนที่ไม่เปรอะออกไปทิ้งชักโครก ทรายจะเริ่มพร่องลงไปเรื่อย ๆ สามารถเติมถุงใหม่ลงไปเพื่อให้ทรายในกระบะมีระดับขึ้นมาเหมือนเดิม
นอกจากมีแบรนด์รองรับผลงานวิจัยแล้ว ยังสามารถขยายต่อธุรกิจไปสู่วงการรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturer) ให้กับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ภายใต้แบรนด์ “Dr.Choice” ด้วยกลิ่นช็อกโกแลตพิเศษเฉพาะ และกลิ่นสเปียร์มินต์ที่กำลังจะผลิตออกมาจำหน่ายในอนาคต


ช่องทางการจัดจำหน่าย
สามารถหาซื้อHide & Seek ได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และ Pet Shops รวมถึงโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ หรือติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ที่…
- เว็บไซต์ https://www.wealthymoggie.com/
- Line: Hide&Seek Cat Litter
- Facebook: Hide and Seek Cat Litter
ต่อยอดงานวิจัยแมว ๆ สู่ผลิตภัณฑ์สำหรับมนุษย์
ผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลังไทยก็ยังคงเติบโตต่อไปและแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ทรายแมวสัญชาติไทยจะเข้าไปช่วยเหล่าทาสในต่างแดน ทำให้เรื่องการขับถ่ายของเจ้านายเป็นเรื่อง Easy
“เรามองไปไกลกว่านั้นครับ หลังจากที่เราได้องค์ความรู้จากการทำวัสดุดูดซับสำหรับสัตว์เลี้ยงมาประมาณหนึ่ง นักวิจัยอย่างผมอยากนำความรู้มาต่อยอดให้มันเกิดผลกระทบที่กว้างขึ้นมาอีก คือ การพัฒนาวัสดุดูดซับสำหรับคน อย่างผลิตภัณฑ์ Personal care เช่น วัสดุดูดซับในผ้าอนามัยหรือในผ้าอ้อมเด็ก ซึ่งใช้ตัวดูดซับที่เป็นไฮโดรเจลจากปิโตรเลียม เป็นพลาสติกประเภทหนึ่งที่ไม่ย่อยสลาย มีผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก”
“เรามีความคาดหวังว่าจะพัฒนาด้านนี้ได้สำเร็จ โดยใช้มันสำปะหลังมาทดแทน ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากพืช เป็น bio–based เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่ก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้มีคุณสมบัติเทียบเท่าหรือดีกว่าผลิตภัณฑ์เดิม รวมถึงราคาก็จะต้องสู้ได้ด้วยครับ”
“ตอนนี้คุณภาพการดูดซับที่ผลิตจากมันสำปะหลังทำได้เพียง 200–300 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับผ้าอนามัยทั่วไปจะต้องดูดซับได้ประมาณ 400–500 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะสามารถทดแทนกันได้ ถือว่าเป็นความท้าทายที่อยากทำให้ได้ด้วยครับ”
ในมุมมองของนักวิจัยกึ่งนักธุรกิจ ดร.ลัญจกร มองว่าโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ มีหลายหน่วยงานคอยให้การสนับสนุน และให้ความสนใจกับงานวิจัยที่สามารถผลิตเป็นชิ้นงานออกวางจำหน่ายได้ ส่วนความเป็นไปได้ที่เหลือ นักวิจัยเองก็ต้องปรับตัวและปรับงานวิจัยให้เข้ากับโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม เพื่อให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์และมีคุณค่าต่อสังคมอย่างแท้จริง
“อย่ายึดติดว่ามันจะต้องเป็นสิ่งที่เราทำแล้วดีเสมอไป ต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน แต่ก็มีความรู้เชิงลึกมากพอที่จะใช้ในการปรับเปลี่ยนและต่อยอดให้ตรงกับโจทย์ที่ลูกค้าต้องการได้ อาจจะมีบางมุมที่สามารถปรับเปลี่ยนอีกนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว เราจะต้องยืดหยุ่น ถึงจะสามารถผลักดันผลงานวิจัยของเราไปใช้ได้จริง”

“ผมว่าตอนนี้นักวิจัยก็ทำงานดีที่มันดีๆ ออกมาได้เยอะมากนะครับ แต่ว่าส่วนใหญ่จะติดอยู่ที่ว่ามันออกไปใช้ประโยชน์แบบว่าไม่ค่อยได้ แต่ว่าผมว่ายุคนี้เนี่ยมันก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เยอะ มีการสนับสนุนจากภาครัฐ จากมหาลัย จากจุฬาฯ ที่พยายามจะผลักดันออกไปให้ได้ ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีนะคะที่เราจะเอาของที่เรามีอยู่ในห้องแลปออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่งก็ต้องอย่ายึดติดว่ามันจะต้องเป็นสิ่งที่เราทำแบบนี้ บางทีเราออกไปใช้เนี่ย คนอาจจะแบบว่าอยากได้อย่างอื่นก็ได้แล้วก็ต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน แต่ก็มีความรู้เชิงลึกที่จะใช้ในการปรับเปลี่ยนแล้วก็ต่อยอดให้ตรงกับโจทย์ที่ที่ลูกค้าต้องการได้ เราจะต้องยืดหยุ่น ก็คือเราต้องเอาทำมาแล้วเหรอจะรู้สึกเสียดายนะว่าแบบมันดันใช้ไม่ได้ แต่ว่าอาจจะเห็นบางมุมที่มันอาจจะปรับเปลี่ยนอีกหน่อยนึงมันก็ใช้ได้แล้วหรือไง ต้องต้องยืดหยุ่นครับ ”
ดร.ลัญจกร อมรกิจบำรุง
ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นักวิจัยในกลุ่ม ศาสตราจารย์ ดร.ศราวุธ ริมดุสิต ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย