จุฬาฯ เปิดมุมมอง การท่องเที่ยวไทยด้วย Big Data ยกระดับเมืองน่าเที่ยวด้วยงานวิจัย
กรกฎาคม 30, 2025 2025-07-30 9:36จุฬาฯ เปิดมุมมอง การท่องเที่ยวไทยด้วย Big Data ยกระดับเมืองน่าเที่ยวด้วยงานวิจัย

จุฬาฯ เปิดมุมมอง การท่องเที่ยวไทยด้วย Big Data ยกระดับเมืองน่าเที่ยวด้วยงานวิจัย
23 กรกฎาคม 2567 ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการออกแบบเพื่อสังคม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) จัดงาน “Routes to Roots Forum” เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของการออกแบบการท่องเที่ยวไทยผ่านการใช้ Big data เป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาพื้นที่อย่าง ณ ห้อง Grand Hall ชั้น 3 True Digital Park
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิกฤตโควิด 19 ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจากที่เคยเป็นผู้นำ กลับสามารถฟื้นตัวได้ช้ากว่าหลายประเทศ จึงต้องสร้าง ‘ซัพพลาย’ ใหม่ ด้วยการดึงศักยภาพจาก 55 เมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งยังเป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวจากที่เคยกระจุกตัวในเมืองหลักไปยังเมืองน่าเที่ยวมากขึ้น และด้วยศักยภาพของการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ (Mobiltiy Data) ทำให้มีข้อบ่งชี้เครือข่ายการเดินทางของนักท่องเที่ยว เป็นจังหวัดเมืองน่าเที่ยว 21 คลัสเตอร์ ผ่านตัวชี้วัดทั้งด้านจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว ระยะเวลาพำนักและระยะเวลาเยี่ยมเยือน รวมทั้งปริมาณการเดินทาง พบกลุ่มจังหวัดที่มีศักยภาพในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ: กลุ่มจังหวัดเชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน ภาคกลาง: กลุ่มจังหวัดสุพรรณบุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี ภาคอีสาน: บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษ ภาคตะวันออก: จันทบุรี-ตราด ภาคตะวันตก: เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม และภาคใต้: นครศรีธรรมราช-พัทลุง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า Mobility Data สามารถวิเคราะห์ลักษณะการท่องเที่ยวภายในคลัสเตอร์ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม การกระจุกตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น บทบาทของจังหวัด การรับมือกับผลกระทบ
ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการขยายโอกาสด้านการท่องเที่ยวสู่พื้นที่ใหม่ นอกจากนี้ ยังเกิดการต่อยอดผลการศึกษาผ่านแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงเกิดเป็นแคมเปญ Routes to Roots: เส้นทางสำรวจรากวัฒนธรรมไทย เพื่อการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมและเรื่องเล่าจากคนในพื้นที่ด้วยความร่วมกับสื่อสร้างสรรค์อย่าง ‘The Cloud’ พบว่า การพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีคุณค่าในระยะยาว ต้องเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับวัฒนธรรมและสร้างคุณค่าการมีส่วนร่วมระหว่างผู้มาเยือนกับท้องถิ่น
คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล และ (รักษาการ) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “Mobility Data เป็นกุญแจสำคัญในการวางยุทธศาสตร์ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยก้าวข้ามความท้าทายที่เผชิญอยู่ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับทั้งภาคการท่องเที่ยวและพื้นที่ทั่วประเทศ ข้อมูลนี้เปิดโอกาสให้เรายกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัวในการเดินทาง การบริหารจัดการความหนาแน่นของผู้คนในสถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเตรียมตัวรับมือเหตุฉุกเฉิน ทั้งยังช่วยในการนำเสนอประสบการณ์ เส้นทาง หรือแคมเปญการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สะท้อนเรื่องราวจากวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องที่ นำไปสู่การสร้างโอกาส กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการและชุมชนให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และสร้างความได้เปรียบใหม่ๆ ในการแข่งขันให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า Mobility Data และ Big Data กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบการท่องเที่ยวที่เข้าถึงได้จริงและเท่าเทียมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมีข้อจำกัดเฉพาะด้าน Mobility Data สามารถสะท้อนข้อมูลการกระจุกตัวของกลุ่มผู้สูงอายุออกมาได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นรากฐานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริการ และระบบเดินทางที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ อย่างเป็นธรรม
คุณวัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อพท. กล่าวถึงบทบาทของการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการวางแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมองว่า ผลการวิเคราะห์ Big Data ในครั้งนี้ช่วยส่งเสริมการออกแบบพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อสร้างประโยชน์ร่วมแก่ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม พร้อมเน้นย้ำว่าการพัฒนาอย่างเป็นระบบต้องอาศัยห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่เข้มแข็ง เพื่อถ่ายทอด “เสน่ห์ของพื้นที่” และ “อัตลักษณ์ของท้องถิ่น” เช่น อาหาร วิถีชีวิต และบริการในชุมชน ทั้งนี้ กลไกการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคมต้องทำงานประสานกันในรูปแบบของ Destination Management Oganization (DMO) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาท่องเที่ยวที่มีความหมายและยั่งยืนในระยะยาว
ศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวเสริมถึงการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศว่า “งานวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชี้ให้เห็นว่า การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบสามารถนำไปสู่มุมมองใหม่ในการกำหนดนโยบายที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่า ความยั่งยืน และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘SRI for All’ ขับเคลื่อนฉากทัศน์ใหม่ของ สกสว. เพื่อพลิกโฉมประเทศสู่อนาคต”
“Routes to Roots Forum” ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของการออกแบบการท่องเที่ยวไทยผ่านการใช้ Big data เป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาพื้นที่อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยจากโครงการ “การกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเมืองรองผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์จากการวิเคราะห์ข้อมูลบันทึกการใช้บริการโทรศัพท์มือถือ” จากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)